ID PLAN การวางแผนการปฏิบัติงาน
ID PLAN คืออะไร
********************************************************************
นายคมกฤษณ์ สุขะวิพัฒน์
ศึกษานิเทศก์
สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดราชบุรี
********************************************************************
ID Plan คืออะไร ID Plan ย่อมาจาก Individual Development Plan)
ID Plan มีไว้เพื่ออะไร = แผนพัฒนาตนเองรายบุคคล
โดยยึดหลักการประเมินสมรรถนะ (Competency Based
Approach) จะทำให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถรู้จุดเด่น
จุดด้อยของความสามารถในการปฏิบัติงานของตน ซึ่งเป็นการพัฒนาบุคลากรและสามารถพัฒนาตนเองให้สอดคล้องกับความต้องการจำเป็นของของหน่วยงาน
และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล
โดยสมรรถนะจะแบ่งเป็น
2 สมรรถนะ คือ
1.
สมรรถนะหลัก (Core Competency) ประกอบด้วย
5 สมรรถนะ คือ
1.1 การมุ่งผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงาน
1.2 การบริการที่ดี
1.3 การพัฒนาตนเอง
1.4 การทำงานเป็นทีม
1.5 จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพครู
2 สมรรถนะประจำสายงาน (Functional Competency) ประกอบด้วย
6 สมรรถนะ คือ
2.1 การบริหารหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้
2.2 การพัฒนาผู้เรียน
2.3 การบริหารจัดการชั้นเรียน
2.4 การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และการวิจัยเพื่อพัฒนาผู้เรียน
2.5 ภาวะผู้นำครู
2.6 การสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือกับชุมชนเพื่อการจัดการเรียนรู้
CIPPA MODEL
การจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีสอนแบบ CIPPA MODEL
ด้วยผู้เขียนเป็นศึกษานิเทศก์ที่รับผิดชอบกลุ่มสาระวิชาคณิตศาสตร์
สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นเนื้อหาวิชาที่ยากมากๆ ศัพท์เฉพาะมากมาย และผู้เรียนให้ความสนใจน้อยเนื่องจากรายวิชานี้มีกระบวนการและเทคนิควิธีการเฉพาะวิชา
กระผมทำหน้าที่อธิบายให้ผู้สอนเข้าใจและนำไปถ่ายทอดด้วยวิธีการจัดการเรียนการสอนให้แก่ผู้เรียนมีความเข้าใจ
จึงให้ครูที่สอนในรายวิชานี้แสวงหาวิธีการที่หลากหลายมาใช้ในการจัดการเรียนรู้
เพื่อให้ผู้เรียนสนใจในการเรียน กระผมได้ให้แนวคิดและวิธีการโดยการจัดการเรียนการสอนแบบ
CIPPA MODEL เพื่อทำให้ผู้เรียนสนใจเรียนมากขึ้น
ซึ่งกระผมได้แนะนำรูปแบบการสอนของ
รศ.ดร.ทิศนา แขมมณี อาจารย์คณะครุศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยการสอนแบบ CIPPA MODEL มีจุดเน้นที่ให้นักเรียนมีส่วนร่วมทั้งร่างกาย สติปัญญา สังคมและอารมณ์
หลักการการจัดการเรียนแบบโมเดล ซิปปา มี 5 ประการ ดังนี้
1. C มาจาก Construct เป็นการสร้างความรู้ตามแนวคิดการสร้างองค์ความรู้
2. I มาจากคำว่า Interaction เป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์กับบุคคลและสิ่งแวดล้อมรอบตัว ได้แก่ การปฏิสัมพันธ์กับบุคล เช่น ครู เพื่อน ผู้รู้ ส่วนการปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม เช่น แหล่งความรู้ สื่อประเภทต่างๆ
3. P มาจากคำว่า Physical Participation เป็นการมีส่วนร่วมทางกาย เช่นกิจกรรมที่ให้นักเรียนมีโอกาสเคลื่อนไหวร่างกาย
4. P มาจากคำว่า Process Learning เป็นการเรียนรู้กระบวนการต่างๆ ที่เป็นทักษะจำเป็นต่อชีวิตมีการจัดการเรียนการสอนทั้งเนื้อหาและกระบวนการ เช่น กระบวนการคิด กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการกลุ่ม กระบวนการแสวงหาความรู้ วึ่งเป็นกระบวนการส่งเสริมด้านความรู้
5. A มาจากคำว่า Application เป็นการนำความรู้ที่ได้จากการเรียนไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่างๆ
อ้างอิง/ที่มา
https://www.gotoknow.org/posts/514102
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น